บทที่ 9 หญิงสันดานเสีย (๑)
“เดี๋ยวก่อน” ทันทีที่ฟื้นคืนสติ นางสาวบีใช้แรงแค่เพียงน้อยนิดผลักร่างกำยำที่สูงกว่าหล่อนเป็นคืบออก ขมวดคิ้วทำท่าทางไม่เข้าใจ “นายกับฉัน... เราไปได้กันตั้งแต่เมื่อไหร่?”
อยากรู้ซะจริงๆ ก็แสดงออกเหมือนเกลียดกันเสียปานนั้น ใครจะไปรู้ว่าจริงๆ แล้วแอบกิ๊กกันอยู่ แต่นี่สายเลือดเดียวกันนะเฮ้ย ถึงแม่ไม่ใช่คนเดียวกันแต่พ่อคนเดียวกันนะเฮ้ย นี่จะกินไม่เลือกเลยหรือ
“พี่จำมิได้จริงๆ สิหนา” ชายหนุ่มตรงหน้าแค่นหัวเราะดังเหอะ ดูมีวี่แววเอาแต่ใจขี้ประชดประชันไม่ใช่น้อย “ลับหลังไอ้แสนคำ... เราขยี้สวาทกันมิรู้กี่คราต่อกี่ครา หรือพี่จักลืมไปถึงเพลาที่พี่ครวญชื่อฉันมากกว่าไอ้ขุนนั่น”
โห ตรงขนาดนี้ เอามือมาตบหน้ากันยังเจ็บน้อยกว่าไหม!
“พอดีฉันอาจเบลอจากพิษไข้เล็กน้อย เอาเป็นว่านายเป็นชู้ของฉันเหมือนกับกล้าใช่ไหม?” หญิงสาวโพล่งออกไปทันทีพร้อมกับทำทีวิงเวียนศีรษะให้ดูไม่ตอแหลจนเกินไป แต่เมื่อเห็นดวงตาคมกร้าวที่หรี่ลงมองอย่างขุ่นขวาง ก็รู้สึกว่าตนเองคิดผิดที่คิดไปกระตุกหนวดเสือ
“อย่าเอาฉันไปเทียบกับไอ้ทาสชนชั้นไพร่นั่น อีกอย่างฉันมิใช่ชู้ ฉันคือพ่อที่แท้จริงของลูกในท้องพี่” ว่าพลางใช้ร่างกายกำยำนั่นเดินต้อนหญิงสาวไปจนแผ่นหลังเล็กของนางติดกับราวไม้ ขุนเสือจ้องดวงหน้าพี่สาวของตนอย่างหงุดหงิด ยอมแม้กระทั่งเอากายเข้าแลก นางยังเอาเขาไปเทียบกับชนชั้นไพร่เช่นนั้น
ตาต่ำนัก ถึงเขาจะมีแม่ที่เคยเป็นบ่าว แต่ตอนนี้แทบจะเกินเทียบเคียงตัวหล่อนที่เป็นลูกคุณหญิงได้ด้วยซ้ำ
“...!”
“ไอ้ขุนแสนคำนั่น มันเป็นแค่เพียงเกียรติยศไร้ราคาของพี่เท่านั้นมิใช่หรือ พี่ตบแต่งกับมันด้วยความจำเป็น ทั้งๆ ที่พี่รักฉันมากกว่า ใช่หรือไม่”
“ดะ... เดี๋ยวก่อน ขุนเสือ” หญิงสาวอุทานเสียงหลงเพราะรู้สึกกลัวกับสีหน้าเหี้ยมโหดของน้องชายของตน หล่อนไม่รู้ว่าสรุปแล้วขุนเสือรู้สึกกับนางบัวงามอย่างไรกันแน่ เพราะแววตาของเขามีแต่ความแค้นที่สุมอก “ฉันเองก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าลูกในท้องนี้เป็นลูกใคร อีกอย่างนายก็น่าจะรู้ว่านางบัว... หมายถึงฉันเอง ก็ไม่ได้นอนกับนายคนเดียวนี่ จริงไหม?”
แม้จะรู้สึกกระดากปากที่ต้องพูดออกไปแบบนั้น แต่ดูจากเหตุการณ์แล้วถ้าแอบซ่อนคบชู้กับน้องชายตัวเองลับหลังผัวแบบนั้น ลูกอาจจะไม่ใช่ของเขาก็ได้ เพราะถ้ากล้ารู้ความลับระหว่างนางบัวงามกับขุนเสือ ทำงานในเรือนเขา อยู่ใกล้กันแค่นี้แต่กลับบอกว่าจะสืบมาให้... แสดงว่ามันต้องมีมากกว่านั้นสิ
อีกอย่างสันดานอย่างนังนี่ไม่น่าจะเหมาแค่คนสองคนหรอก
“กูรู้ดีถึงได้โกรธเกรี้ยวมึงอยู่นี่ไง บัวงาม” เมื่อเอ่ยออกไปแบบนั้นตรงๆ กลับส่งผลตรงกันข้าม ราวกับไปกวนตะกอนอารมณ์ของขุนเสือให้ขุ่นขวาง เขากดเสียงต่ำ สรรพนามเปลี่ยนไปเป็นห้วนจัด พร้อมกับฝ่ามือหนาที่คว้าหมับเข้าที่ปลายคางมนของหญิงสาวอย่างแรงจนรู้สึกเจ็บ “กูบอกแล้วใช่หรือไม่ มิว่าอย่างไรคนที่จักได้สมบัติจากพ่อก็คือมึง เพราะมึงเป็นลูกเมียใหญ่ ถ้ามึงมิยกกูเป็นผัว แล้วกูจักเหลือกระไรได้อีก”
“อึก... ขุนเสือ ฉันเจ็บ!”
“แม่ของมึงมิชมชอบกูนัก ขนาดกูทำความดีความชอบ ออกไปรบเป็นปีกลับมาจนได้รับบรรณาธิการยศขุนนำหน้า แม่ของมึงก็ยังจงเกลียดจงชังแลเห็นกูกับแม่กูเป็นแค่ชนชั้นไพร่ที่คิดจักเทียบชั้นกับมึง”
“...!”
“นั่นเพราะมึงทำตัวเองมิใช่หรือบัวงาม มึงมันสำส่อน มิรู้จักพอ มึงทอดกายให้เขาไปทั่ว จนงามหน้าเป็นหม้ายเช่นนี้”
“...”
“ถ้ามิใช่กูที่จักมารับหน้า... จักเป็นใครไปได้อีกเล่า?”
โคตรน่ากลัว คิดว่าขุนแสนคำน่ากลัวมากแล้ว แต่ขุนเสือน่ากลัวมากกว่าเป็นสองเท่า
นางบัวงาม สรุปแล้วมีสัมพันธ์แบบไหนกับน้องชายตัวเองกันแน่!
“แต่... ฉันยังไม่อยากแต่งงานใหม่!” เมื่อตะเบ็งออกมาแบบนั้น ขุนเสือก็ผละมือออกจนหญิงสาวทรุดลงไปนั่งไอหอบแทบเท้าหนา เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง ก็พบว่าดวงตาที่ขุนเสือหลุบลงมองนางที่นั่งพับเพียบหมดสภาพแทบเท้านั้นช่างดูแคลนยิ่งนัก
“มึงเป็นเพียงลูกเมียใหญ่ แต่การกระทำช่างน่าเวทนาเหลือเกิน อยากจักหัวร่อเมื่อได้ยินใครต่อใครว่ากันว่ามึงช่างงามสมกุลสตรี” ชายหนุ่มกระตุกยิ้ม คงมีแค่เขาที่รู้ว่าพี่สาวของตนเป็นคนแบบไหน “คงมิมีใครรู้สินะว่าลับหลังผู้คน มึงเป็นหญิงเช่นไร”
“แฮ่ก แฮ่ก”
“เก็บกลับไปคิดถึงเรื่องของกูเสีย ถ้ามิอยากให้ความลับของมึงถึงหูพ่อเข้า”
“...”
“แล้วเลิกเสีย สันดานร่าน... คิดแต่เรื่องของกูก็พอ”
ว่าพลางหมุนตัวสาวเท้าเดินกลับไปที่เรือนใหญ่ ทิ้งให้นางสาวบีที่นั่งพับเพียบกองอยู่ตรงศาลาริมสระบัวได้แต่ปะติดปะต่อทุกอย่างกับตัวเอง พร้อมกับช็อกซีนีม่าอยู่ตรงนั้น
รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะซวย
ตอนแรกคิดว่ามันจะง่ายดายเลยรับปากกับไอ้ผีขุนแสนคำนั่นไว้ว่าจะสืบสาวราวเรื่องและหาทางพิสูจน์ความจริง
แต่ดูๆ ไปแล้วอีหญิงที่มาสิงร่างมันกู่ไม่กลับแล้วล่ะ
“มะ... ไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว” นางสาวบีกำมือที่วางอยู่บนกระดานไม้อย่างแนบแน่น ถึงร่างนี้จะไม่ใช่ตัวเธอ หรือแม้แต่สิ่งที่คนในโลกนี้พูดถึงจะไม่ใช่ตัวเธอ แต่ก็ยอมรับว่าสมัยก่อนดูถูกผู้หญิงได้เจ็บแสบมากจริงๆ ดีไม่ดีขุนเสืออาจจะไม่ได้รักนางบัวงามเลยก็ได้ แต่นอนด้วยเพราะผลประโยชน์
สรุปก็เกลียดพี่สาวจริงๆ ไม่ใช่การละครอยู่ดีใช่ไหม?
“ไอ้น้องชายผีเปรตเอ้ย กูไม่ใช่พี่มึงค่ะ”
ก็เพราะไม่ใช่ เพราะงั้นเธอจะไม่ยอมตกเป็นรองเขาหรอก ไม่รู้นางบัวงามคนก่อนรักไอ้ขุนเสือนี่ไหม แต่สำหรับเธอบอกเลยว่าไม่
คิดพลางค่อยๆ หยัดกายลุกขึ้น มือสวยที่กำมือแน่นจนเล็บงามจิกทึ้งเข้าไปในเนื้อ คิดว่ามันต้องมีต้นสายปลายเหตุอะไรแน่ๆ ที่นางบัวงามเลือกจะนอนกับน้องชายต่างแม่ของตนเอง ยกปลายนิ้วกัดเล็บงามอย่างครุ่นคิดไม่ตก
หรือแค่เพียงหล่อนจะสำส่อน นอนกับเขาไปทั่วเท่านั้นเอง
“เวรเอ้ย คิดไม่ออก!” คิดพลางกระทืบเท้าบนกระดานไม้หน้าสระบัวอย่างขัดใจ นางสาวบียืนสูดอากาศบริสุทธิ์อยู่ตรงนั้นอีกครู่ใหญ่ ก่อนที่จะตัดสินใจหมุนตัวกลับเรือนไปด้วยอีกคน หล่อนคลุมโปงอยู่บนเตียงตั้งแต่บ่ายจนฟ้ามืด... ก่อนที่จะเข้าสู่ห้วงนิทราในช่วงหัวค่ำ
ภาพแรกที่เห็นหลังลงมาถึงนิมิตแห่งความตาย คือชายกำยำกับร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลฉกรรจ์นั่งอยู่บนกองกระดูกศพทหารท่ามกลางป่าช้าที่เต็มไปด้วยไอหมอกหนา เขาหลุบตาลงมองนางสาวบีในร่างนางบัวงาม ดวงตาสีดำทมิฬนั้นดูมีแววคาดเดายาก
“ไปสืบสาวได้ความว่าอย่างไร อีบี” ร่างกำยำที่เปรอะเลือดสบตากับหญิงสาวที่แหงนหน้าขึ้นมอง เลิกคิ้วถามคำถามที่เธอลำบากใจจะตอบที่สุด
“ไม่รู้พี่จะทนฟังได้ไหม ขนาดฉันเองที่ไปเจอจะๆ กับตัวยังช็อกเลย” นางสาวบีก้มหน้าลงมองพื้นดินอย่างเดิม ก็ไม่รู้นี่ว่าถ้าบอกออกไปตามตรง ไอ้ผีขุนแสนคำมันจะอาละวาดอะไรบ้าง ก็เมียตัวเองเล่นแอดวานซ์ความสำส่อนไปมากขนาดนี้
“มิต้องลีลา ว่ามาเสีย”
“เมียพี่มันมีน้องหมาเป็นทาสชายที่ชื่อกล้า และน่าจะเคยมีอะไรกันมาแล้ว แถมยัง... นอนกับน้องชายต่างแม่ของตัวเองอีก!”
“...”
“แถมไอ้น้องเวรนั่นยังบอกว่าลูกในท้องนางบัวงามน่าจะเป็นลูกมันอ่ะ! ฉันจะทำไงดีวะพี่ กลัวชิบหายเลย นี่ขนาดเริ่มต้นนะเนี่ย” ว่าพลางตัวสั่นน้ำตาคลอตาแดงก่ำ ก็ไม่คิดว่าเจ้าของร่างจะสันดานงามไส้แบบนี้ รู้งี้ยอมตายไปเป็นผีอีกรอบดีกว่า
“เรื่องนั้นกูรู้ดี”
“!!!” แต่เมื่อผีชายหนุ่มเหนือร่างเล็กโพล่งขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น นางสาวบีถึงกับผงกหัวขึ้นไปมองเขาอย่างแปลกใจ ขุนแสนคำที่อยู่เบื้องบนมีสีหน้าร้าวราน เขาทั้งแค้น และทั้งเสียใจกับการกระทำของเมียตนเอง
“กูถึงอาฆาตมันมากอย่างไร ไอ้ขุนเสือนั้นอยู่ทัพหน้าเช่นเดียวกันในสงครามที่ปะทะกับอาณาจักรอังวะ กูคิดในครานั้นว่ามันต้องมีกระไรพิกลในตัวมัน”
“...”
“มันอาจจักเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้กูถึงแก่ความตายก็เป็นได้” เมื่อขุนแสนคำสันนิษฐานออกมาแบบนั้น โดยไม่มีวี่แววเหี้ยมโหดเหมือนคราแรกที่พบกัน นางสาวบีค่อยๆ ขยับตัวลงนั่งพับเพียบเพราะคุกเข่าจนเมื่อยน่อง ยอมรับว่าตกใจเหมือนกัน แต่ไม่แปลกใจถ้าขุนเสือจะวางแผนฆ่าพี่เขยของตนเอง เพราะหล่อนจำประโยคก่อนหน้านั้นของไอ้น้องชายนั่นได้ดี
“ไหนพี่สัญญากับฉันไว้มิใช่หรือ ว่าถ้าไอ้แสนคำมันตาย พี่จักหมั้นหมายกับฉัน!”
